ดับเบิ้ลสเปซ (Double Space) คือ ที่ว่าง 3 มิติที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ใช้งานในแนวดิ่ง 2 ชั้นขึ้นไปซึ่งมีความสูงประมาณ 5.00 – 8.00 เมตรหรือมากกว่านี้ โดยที่ว่างจะถูกปิดล้อมด้วยพื้น ผนัง (กี่ด้านก็ได้) และฝ้าเพดานหรือหลังคาที่มีความสูงมากกว่าระดับทั่วไป ซึ่งมักจะอยู่ที่ 2.40 – 3.00 เมตร ดับเบิ้ลสเปซทำให้พื้นที่ใช้งานระหว่างชั้นล่างและชั้นบนมีความต่อเนื่องกัน มีมุมมองหรือประโยชน์ใช้สอยที่สามารถเชื่อมต่อกัน อีกทั้งยังช่วยให้แสงแดดสามารถส่องเข้ามาภายในอาคารได้มากขึ้น อากาศถ่ายเทและหมุนเวียนได้สะดวกดีขึ้นอีกด้วย นิยมใช้ดับเบิ้ลสเปซ (Double Space) ในส่วนโถงบันไดเพื่อเป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ทั้งสองชั้น รวมถึงใช้ในห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องรับประทานอาหาร เพื่อความโปร่งสบายและมุมมองที่ต่อเนื่องทางสายตา นอกจากนี้ระดับห้องที่สูงขึ้นยังทำให้สามารถต่อเติมพื้นที่ชั้นลอยเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นพื้นที่ใช้งานหรือที่เก็บของได้อีกด้วย
ในการออกแบบพื้นที่ให้มีดับเบิ้ลสเปซ อาจจะต้องคำนึงถึงการดูแลรักษาในภายหลังด้วยอย่างเช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ การทำความสะอาดบริเวณผนัง ช่องเปิด และฝ้าเพดานในระดับสูง รวมทั้งแสงสว่างหรืออากาศที่เข้ามาภายในอาคารมากกว่าปกติซึ่งควรมีการจัดการอย่างสมดุล จึงควรปรึกษาสถาปนิกก่อนที่จะก่อสร้างหรือต่อเติมบ้าน เพื่อความสบายของผู้อยู่อาศัยเองในภายหลัง
(ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก…Scgbuildingmaterial)
แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ และวันนี้ Leecurtain ได้รวบรวมไอเดียการแต่งบ้านแบบดับเบิ้ลสเปซมาฝากกันค่ะ ในเมื่อบ้านของเรามีดับเบิ้ลสเปซแล้ว เราควรทำความรู้จักและเรียนรู้ที่จะเล่นสเปซนี้ให้เป็นประโยชน์ แถมคุณอาจจะสนุกกับไอเดียการแต่งบ้านกับพื้นที่นี้อีกด้วยล่ะค่ะ และแต่ละวิธีจะเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย
1 ที่นอนเล่นบนตาข่าย – ให้คุณสนุกกับการกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งกับตาข่ายลอยตัวสำหรับนั่งเล่นนอนเล่นค่ะ มันจะดีแค่ไหนกันถ้าคุณได้นอนเล่นทำกิจกรรมอย่างอิสระเหมือนได้นอนบนใยแมงมุมใหญ่ในบ้าน แต่ถ้าหากอยากลองเล่นไอเดียนี้ดูควรมีผู้เชี่ยวชาญที่ออกแบบหรือติดตั้งให้นะคะ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานด้วยค่ะ
2 แต่งผนังด้วยวอลเปเปอร์ – แนะนำติดวอลเปเปอร์ Accent Wall เน้นจุดเด่นของลายที่ผนังเดียวแต่สวยปังได้ทุกมุมมอง แนะนำว่าเป็นวอลเปเปอร์แบบ Customize สั่งผลิตตามขนาดผนังลวดลายจะไม่ซ้ำกันเหมือนวอลเปเปอร์ทั่วไปหรือแขวนงานอาร์ต ภาพวาด ภาพถ่ายที่ใส่กรอบก็ได้เช่นกัน ข้อดีคือสามารถเคลื่อนย้ายในภายหลังได้ตามต้องการ หรือแขวนกรอปรูปเล็กๆ หลายๆ ขนาด มาจัดวางเข้าด้วยกัน แต่หากใครยังไม่มั่นใจในเรื่ององค์ประกอบของการจัดวางเดี๋ยวนี้ตามก็มีรูปแบบสำเร็จรูปมาให้ลองจัดตามแล้วละค่ะ
3 สร้างแสงและเงาในพื้นที่ร่ม – ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะว่าเงาก็สามารถนำมาแต่งบ้านได้ ด้วยออกแบบเงาที่ทอดมายังภายในบ้านจากดับเบิ้ลสเปซที่เรามี แต่ในกรณีนี้พื้นที่ควรเป็นใสเกือบทั้งหมดและใส่ลูกเล่นบริเวณ Outdoor นอกบ้านด้วยการติดระแนงไม้ (เป็นเสมือนโครงให้ต้นไม้) แล้วลองนำพันธุ์ไม้เลื้อยที่เราชอบมาปลูกดูเพียงเท่านี้ก็จะได้เงาจากไม้เลื่อยที่สวยงามและร่มรื่นทอดผ่านเข้ามาภายในตัวบ้านแล้วละค่ะ
4 ชั้นลอยเป็นมุมหนังสือสุดโปรด – หนอนหนังสือทั้งหลายหากเบื่อห้องหนังสือสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆ แล้วต้องไอเดียนี้เลยค่ะ ต่อเติมดับเบิ้ลสเปซเป็นชั้นลอยและเนรมิตชั้นลอยให้กลายเป็นมุมหนังสือสุดโปรดมุมใหม่ในบ้านคุณ
5 สวนสวยในบ้าน – แต่งดับเบิ้ลสเปซสไตล์ Zen ตามแบบฉบับญี่ปุ่นได้ง่ายๆ ด้วยการนำเอาความเป็นธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวทั้งต้นไม้ ใบไม้ และก้อนหินมาให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายจากพื้นที่ที่เปิดกว้าง รวมถึงตัดความซับซ้อนของรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไป ในขณะเดียวกันก็ใช้แสงสว่างที่เกิดจากธรรมชาติเข้าช่วย ทำให้ภายในบ้าน ดูโปร่ง โล่ง และสบายตายิ่งขึ้น
6 โชว์โคมไฟหรืองานประติมากรรมเก๋ๆ – นอกจากผนังหรือพื้นแล้ว อีกหนึ่งพื้นที่ที่น่าสนใจก็คือส่วนเพดานค่ะ การติดโคมไฟเพดานแบบเรียบๆ โคมระย้าแบบเชนเดอเลีย หรือติดตั้งชิ้นงานประติมากรรมเก๋ๆ ล้วนเป็นไอเดียที่ตกแต่งสเปซนี้ได้ดี แต่ควรคำนึงถึงเรื่องการทำความสะอาดหรือซ่อมแซมภายหลังด้วยค่ะ อย่างเช่นโคมไฟควรยาวลงมาจนเกือบถึงตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ค่ะ
7 เปลือยโครงสร้างบ้าน – หากชอบงานดิบๆ สไตล์ลอฟท์นิดๆ ขอแนะนำให้เปลือยโครงสร้างไว้ เน้นโชว์รายละเอียดของบ้านไม่ว่าจะเป็นส่วนคาน เสา หรือโครงหลังคาก็ช่วยเพิ่มดีเทลบ้านได้ดี แถมยังช่วยเพิ่มความโปร่งของพื้นที่แบบดับเบิ้ลสเปซด้วยค่ะ
8 โถงห้องรับแขก – หากบรรยากาศนอกบ้านของคุณเต็มไปด้วยพื้นที่ธรรมชาติที่เขียวขจีแวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ขอแนะนำว่าเปลือยส่วนหน้าต่างทิ้งไว้โดยไม่ต้องติดผ้าม่านหรือตกแต่งส่วนใดเพิ่มเติม เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ซึมซับและสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติอย่างใกล้ชิดได้ตลอดทั้งวันแล้วละค่ะ
9 ผ้าม่าน – สำหรับงานผ้าม่านสามารถติดม่านได้หลายแบบเลยค่ะ ติดตั้งได้ทั้งม่านจีบ ม่านลอน ม่านพับ ม่านโปร่งอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน หรือถ้าหากหน้าต่างฝั่งนี้แสงแดดไม่แรงมากใช้เป็นม่านม้วนหรือม่านโปร่งก็เพียงพอค่ะ และเนื่องจากขนาดหน้าต่างที่สูงตัวผ้าม่านจะหนักพอสมควรจึงขอแนะนำให้ใช้ระบบมอเตอร์ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมทคอลโทรลจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และยืดอายุการใช้งานของผ้าม่าน และรางผ้าม่านค่ะ
10 แสงแดดกับพื้นที่นอกบ้าน – มาถึงไอเดียสุดท้ายกันแล้ว พาออกมาชมบรรยากาศนอกบ้านกันสักหน่อยกับพื้นที่เอ้าท์ดอร์ค่ะ พื้นที่ส่วนนี้สามารถเล่นกับแสงกับเงาของแดดได้อย่างเต็มที่ด้วยการตีโครงทำระแนงไม้เป็นที่บังแดด สร้างลูกเล่นแสงเงาเก๋ๆ ด้วยลวดลายของระแนงไม้ได้ตามใจชอบ จากนั้นรอชมความสวยงามของเงาที่ทอดมากระทบกับส่วนผนังและพื้นบ้านด้านล่างได้เลยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับไอเดียแต่งพื้นที่ดับเบิ้ลสเปซ ชอบไอเดียไหนกันก็ลองไปปรับใช้ดูได้เลยนะคะ สัปดาห์หน้าเรายังมีความรู้ดีดีที่จะชวนทุกท่านมาทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับงานผ้าม่านและวอลเปเปอร์พื้นที่ดับเบิ้ลสเปซกันต่อ ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ
ขอขอบคุณภาพประกอบสวยๆ จาก Pinterest
หากท่านใดสนใจงานผ้าม่านและวอลเปเปอร์ติดต่อ Lee Curtain ได้เลยค่ะ Inbox facebook หรือ เยี่ยมชมโชว์รูมใกล้ BTS พญาไท โทร 02 612 0927 หรือ สุขุมวิท 31 (BTS อโศก) 02 662 1593 หรือตาม Follow เราได้ทาง Social Network ต่างๆ ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยค่ะ
…………………………………………………………………………………………..
Copyright © 2015 Lee Curtain. All rights reserved.
Our mailing address is:
Lee curtain
240/3-4 Phayathai road Bangkok, Bkk 10400 Thailand
E-mail : leecurtainshop@gmail.com
Tel. 02 612 0927, 02 245 4261 or visit us at showroom Phayathai (BTS exit 2)
Tel. 02 662 1593 or visit us at showroom Sukhumvit 31 (Asoke)
รายละเอียดงานตกแต่งบ้านที่มีมากหลายส่วนอาจทำให้หลายๆ ท่านลืมใส่ใจในส่วนของผ้าม่านไป แต่แท้ที่จริงแล้วผ้าม่านก้มีส่วนสำคัญไม่แพ้งานตกแต่งอื่นเลยค่ะ และวันนี้ Lee Curtain มีเคล็ดลับ 7 ประการที่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะติดตั้งงานผ้าม่านมาฝากกัน 1. การวัดขนาดหน้าต่างที่ถูกต้อง สิ่งแรกที่ควรทำคือการวัดขนาดหน้าต่าง โดยเริ่มจากความกว้างก่อน(จากซ้ายไปขวา) วัดจากขอบวงกบนอกด้านซ้าย ถึงขอบวงกบด้านขวา จากนั้นจึงวัดความสูง(จากบนลงล่าง) วัดจากขอบวงกบนอกด้านบนลงมาด้านล่าง หลังจากนั้นก็นำขนาดที่ได้ไปให้ร้านผ้าม่านตีราคาคร่าวๆ ได้เลยค่ะ (หากสั่งผ้าม่านจริงๆ ทางร้านจะมีทีมงานมาวัดพื้นที่และคำนวณขนาดที่เหมาะกับรูปแบบม่านอีกครั้งค่ะ) 2. ดูทิศทางแสงแดด ทิศทางของแสงเป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ในการติดผ้าม่านเช่นกัน หากแสงที่เข้ามาในห้องนอนโดยตรง ผ้าม่านที่เลือกควรเป็นผ้าที่ทำมาจาก Polyester หรือผ้าม่านที่มีตัวซับในอย่างประเภท Blackout ซึ่งกันแดดได้ 100% แต่ไม่ควรเลือกผ้าม่านที่มีส่วนผสมของ ผ้าฝ้าย ลินิน ซึ่งผ้าจำพวกนี้จะมีลักษณะเป็นผ้าบางจึงไม่เหมาะกับห้องนอนที่โดนแดดโดยตรง เป็นต้น 3. เลือกประเภทผ้าม่าน – ม่านแต่ละประเภทล้วนมีข้อจำกัดที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นม่านจีบ ม่านม้วน ม่านพับ มู่ลี่ไม้ ห้องแต่ละห้องก็มีคุณสมบัติที่ต่างกันเช่นกัน เช่น ห้องครัวต้องระวังเรื่องคราบเขม่าน้ำมัน หรือห้องน้ำต้องกันความชื้น กันเชื้อราได้ แล้วม่านชนิดไหนจะเหมาะกับห้องแบบใดบ้าง ลองศึกษาดูได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ (คลิ๊กที่นี่) 4. เลือกชนิดผ้า – ชนิดผ้าม่านมี 3 ประเภทหลักๆ ที่นิยมกันได้แก่ ผ้าโปร่ง, ผ้า Dimout และผ้า […]
อ่านเพิ่มเติมชวนคุณดับเบิ้ลความสุขเมื่ออยู่บ้านกับ 9 แอพพลิเคชั่นเด็ดที่ Lee Curtain คัดสรรมาแล้วสำหรับคนชอบอยู่บ้านโดยเฉพาะ จะมีแอพไหนน่าโหลดบ้างไปดูกันเลย ติดตามเรื่องราวและข่าวสารเรื่องบ้านต่อกันได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค Lee Curtain หรือ www.leecurtain.com นะคะ แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
อ่านเพิ่มเติม