จากสิ่งปลูกสร้างสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ช่วงปี 1990 โกดังและโรงงานกลายมาเป็นสไตล์แต่งบ้านยอดนิยมในยุคปัจจุบันที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีทั้งงานตกแต่งอาคาร ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ หรือกระทั่งนำมาแต่งบ้าน และด้วยเสน่ห์ที่เฉพาะตัวนี้เองจึงทำให้หลายๆ คนอดไม่ได้ที่จะหลงใหลในสไตล์ลอฟท์
การเริ่มแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ไม่ยากเลยค่ะ เพียงขอให้คุณตั้งภาพโกดังโรงงานเปล่าๆ เอาไว้ เอกลักษณ์เด่นของลอฟท์งานจะค่อนข้างดิบๆ เน้นโชว์ผิววัสดุ ผิวโครสร้าง เน้นพื้นที่โปร่งโล่ง เน้นความไม่ปรุงแต่ง และใช้แสงธรรมชาติลอดผ่าน คลุมโทนสีขาว เทา และดำ โชว์ท่อสายไฟและท่อน้ำ ใช้เฟอร์นิเจอร์น้ำหนักเบา และสำหรับท่านใดที่หลงรักในความเป็นลอฟท์แต่ไม่รู้จะเริ่มแต่งบ้านสไตล์นี้อย่างไรดี วันนี้ Leecurtain อยากให้คุณสนุกกับการแต่งบ้านมากขึ้น เราได้รวบรวม 8 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ได้ง่ายขึ้น หรือหากใครยังไม่รู้จักบ้านสไตล์นี้ ลองดูภาพตัวอย่างงานแต่งบ้านกันก่อนได้ค่ะ (คลิ๊กที่นี่) และถ้าทุกท่านพร้อมแล้วไปเริ่มแต่งบ้านกันเลยค่ะ
1 ผนังบ้าน
มาเริ่มกันที่ผนังบ้านกันดีกว่าค่ะ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าพื้นที่กว่า 60% ของบ้านคืองานผนังค่ะ เพราะฉะนั้นจากผนังโล่งๆ ที่เราไม่ได้ตกแต่งอะไร หรือทาสีไว้เฉยๆ ท่านสามารถโชว์ผิววัสดุและสนุกกับผนังได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการใช้อิฐมอญหรือปูนเปลือยขัดมันโดยเลือกใช้ผนังบ้านด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้ผนังนี้เด่นกว่าผนังอื่นในบ้าน แต่หากท่านใดที่ทำบ้านเสร็จแล้วแต่อยากตกแต่งเพิ่มแนะนำให้ใช้วอลเปเปอร์ค่ะ ซึ่งวอลเปเปอร์แนวลอฟท์ทั้งลายอิฐ ลายไม้ และลายปูนนั้นมีหลากหลายลวดลายและสีสันให้เลือก อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดฝุ่นและใช้เวลาในการติดตั้งไม่นานอีกด้วยค่ะ
2 กรอบประตูและหน้าต่าง
หากถอดต้นแบบของงานโกดังโรงงานมาทั้งหมดจะพบว่าเน้นเรื่องการใช้แสงธรรมชาติ เนื่องจากระบบโครงสร้างถูกออกแบบให้โล่งโปร่งและสูงใหญ่ ทำให้บานหน้าต่างต้องใหญ่ตามไปด้วยเช่นกัน แสงด้านนอกจึงเข้ามาได้มากอีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟช่วงกลางวันได้อีกด้วย ดังนั้นลูกเล่นในส่วนนี้ที่จะช่วยสร้างความเก๋ให้กับบ้านก็คือการใช้กรอบประตูหรือกรอบหน้าต่างขนาดใหญ่สีดำค่ะ หากอยากได้อารมณ์ลอฟ์ทเท่ๆ แนะนำให้ใช้กรอบกระจกสีดำเป็นช่องๆ ค่ะ แต่ถ้าอยากให้ดูลอฟท์โมเดิร์นให้ใช้หน้าต่างแบบมีกรอบธรรมดาหรือเป็นกรอบใหญ่แทนค่ะ
3 ฝ้าเพดาน
อย่ามองข้ามงานฝ้าเพดานไปนะคะ สำหรับท่านใดที่กำลังสร้างบ้านหรือรีโนเวทอยู่แนะนำให้เปลือยเสาคอนกรีต เปลือยเพดานโชว์งานระบบท่อสายไฟ สายอินเทอร์เน็ตบ้าน จะช่วยให้บ้านมีกลิ่นอายแบบโรงงานมากขึ้น หรือหากบ้านก่อสร้างเสร็จหมดแล้วก็ไม่ต้องกังวลไม่นะคะ เราเลือกติดวอลเปเปอร์ลายปูนเปลือยบนฝ้าเพดานแทนได้ค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีงานท่องานสายไฟออกมาให้เห็น แต่จะได้กลิ่นอายสไตล์ลอฟท์แบบเรียบๆ แทนค่ะ
4 บานประตู
ด้านบนเราพูดถึงกรอบประตูกันไปแล้วนะคะ ตอนนี้มากันที่บานประตูกันบ้างค่ะ ตัวประตูหากไม่ชอบเป็นกระจก สามารถเลือกใช้เป็นบานทึบที่โชว์ผิวไม้ หรือบานเหล็กที่มีกระดุมหมุดรอบๆ เพื่อโชว์ความดิบของผิววัสดุได้อย่างเต็มที่ สร้างความเก๋ไก่กว่าเดิมด้วยการทำเป็นประตูบานเลื่อน ติดรางและลูกล้อสีดำให้เข้าสไตล์ (บริเวณรางและลูกล้อสามารถตกแต่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ) เพิ่มดีเทลให้เก๋อีกนิดด้วยที่จับประตูจากเหล็กหรือท่อประปาก็ได้เช่นกัน
5 เฟอร์นิเจอร์
มาถึงส่วนเฟอร์นิเจอร์กันบ้างนะคะ แนะนำให้ใช้เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบเท่อย่างสไตล์เรโทร รัสติค หรือวินเทจที่ใช้เหล็ก ไม้ และหนังเป็นส่วนประกอบ ลักษณะเฟอร์นิเจอร์สไตล์ลอฟท์จะเน้นความดิบ เน้นการใช้วัสดุจริงเปลือยผิว ไม่ปรุงแต่งเพิ่ม ขนย้ายได้ง่าย ทำให้เพิ่มเสน่ห์ให้กับบ้านได้อย่างดีทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้กับข้าว ชั้นวางรองเท้า ชั้นหนังสือ หรือจะตกแต่งส่วนอื่นๆ ของบ้านเพิ่มเช่น บริเวณที่กั้นระเบียง ฉากกั้นบันได หรือฉากกั้นห้องที่ทำจากเหล็กฉีกก็เก๋ไปอีกแบบค่ะ
6 บันได
หากเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมีเนียมแบบดูเพล็กซ์ ท่านสามารถตกแต่งบันไดให้เก๋ไก๋สไตล์ลอฟท์ได้ด้วยการเปลี่ยนเป็นบันไดเหล็กสีดำ หรือผสมผสานระหว่างไม้กับเหล็กก็ได้เช่นกัน ราวบันไดเด่นได้ด้วยการเพิ่มรายละเอียดบริเวณพื้นที่ที่ยึดส่วนราวกับขั้นบันไดทำเป็นเหล็กฉีกสีดำ จะช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่งมากขึ้น ถ้าเป็นบ้านหรือคอนโดชั้นเดียวอาจเพิ่มลูกเล่นให้กับบันไดเตี้ยสำหรับปีนขึ้นชั้นวางหนังสือก็ดูน่ารักไปอีกแบบค่ะ
7 โคมไฟ
ปัจจุบันนี้โคมไฟก็มีกลิ่นอายสไตล์ลอฟท์เหมือนกันนะคะ ด้วยการหยิบจับลักษณะเด่นของการเปลือยโครงสร้างอาคารมาสร้างสรรค์ให้เป็นจุดเด่นของโคมไฟเปลือย ซึ่งมีได้ทั้งโคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟเพดาน และโคมไฟตั้งพื้น หรือจะสร้างความเก๋เพิ่มเข้าไปอีกด้วยการทำเป็นโคมไฟผนัง ติดหลอดไฟเอดิสัน (หรือหลอดไฟไส้แบบที่เราเรียกกัน) และแต่งด้วยท่อประปาเหล็ก
8 ผ้าม่าน
หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าผ้าม่านก็ทำให้เป็นสไตล์ลอฟท์ได้เช่นกันและรางผ้าม่านจะเป็นตัวช่วยของเราในครั้งนี้ค่ะ หากต้องการลอฟท์เท่ๆ รางผ้าม่านให้เลือกใช้ท่อเหล็กประปาประกอบกับหน้าจาน จะใช้รางอาบสังกะสีหรือเปลี่ยนให้เป็นรางสีดำก็ได้ค่ะหากมีห่วงม่านควรเลือกสีเดียวกับรางผ้าม่านเพื่อความเข้าชุดกัน หรือหากอยากให้ดูโมเดิร์นขึ้นอีกนิดขอแนะนำรางเหล็กหัวกลม หัวป้าน หรือหัวกระบองค่ะ ส่วนสีผ้าม่านแนะนำว่าคลุมโทนไว้ที่สีขาว เทา ดำเอาไว้ก่อนค่ะ แต่ถ้าหากบ้านมีสไตล์อื่นผสมเข้ามาด้วยจะต้องดูองค์ประกอบโดยรวมเพื่อพิจารณาแบบผ้าม่านอีกครั้งค่ะ
หากท่านใดสนใจงานผ้าม่านและวอลเปเปอร์ติดต่อ Lee Curtain ได้เลยค่ะ Inbox facebook หรือ เยี่ยมชมโชว์รูมใกล้ BTS พญาไท โทร 02 612 0927 หรือ สุขุมวิท 31( BTS อโศก) 02 662 1593 หรือตาม follow เราได้ทาง social network ต่างๆ ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยค่ะ
…………………………………………………………………………………………..
Copyright © 2015 Lee Curtain. All rights reserved.
Our mailing address is: Lee curtain
240/3-4 Phayathai road Bangkok, Bkk 10400 Thailand
E-mail : leecurtainshop@gmail.com
Tel. 02 612 0927, 02 245 4261 or visit us at showroom Phayathai (BTS exit 2)
Tel. 02 662 1593 or visit us at showroom Sukhumvit 31 (Asoke)
รายละเอียดงานตกแต่งบ้านที่มีมากหลายส่วนอาจทำให้หลายๆ ท่านลืมใส่ใจในส่วนของผ้าม่านไป แต่แท้ที่จริงแล้วผ้าม่านก้มีส่วนสำคัญไม่แพ้งานตกแต่งอื่นเลยค่ะ และวันนี้ Lee Curtain มีเคล็ดลับ 7 ประการที่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะติดตั้งงานผ้าม่านมาฝากกัน 1. การวัดขนาดหน้าต่างที่ถูกต้อง สิ่งแรกที่ควรทำคือการวัดขนาดหน้าต่าง โดยเริ่มจากความกว้างก่อน(จากซ้ายไปขวา) วัดจากขอบวงกบนอกด้านซ้าย ถึงขอบวงกบด้านขวา จากนั้นจึงวัดความสูง(จากบนลงล่าง) วัดจากขอบวงกบนอกด้านบนลงมาด้านล่าง หลังจากนั้นก็นำขนาดที่ได้ไปให้ร้านผ้าม่านตีราคาคร่าวๆ ได้เลยค่ะ (หากสั่งผ้าม่านจริงๆ ทางร้านจะมีทีมงานมาวัดพื้นที่และคำนวณขนาดที่เหมาะกับรูปแบบม่านอีกครั้งค่ะ) 2. ดูทิศทางแสงแดด ทิศทางของแสงเป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ในการติดผ้าม่านเช่นกัน หากแสงที่เข้ามาในห้องนอนโดยตรง ผ้าม่านที่เลือกควรเป็นผ้าที่ทำมาจาก Polyester หรือผ้าม่านที่มีตัวซับในอย่างประเภท Blackout ซึ่งกันแดดได้ 100% แต่ไม่ควรเลือกผ้าม่านที่มีส่วนผสมของ ผ้าฝ้าย ลินิน ซึ่งผ้าจำพวกนี้จะมีลักษณะเป็นผ้าบางจึงไม่เหมาะกับห้องนอนที่โดนแดดโดยตรง เป็นต้น 3. เลือกประเภทผ้าม่าน – ม่านแต่ละประเภทล้วนมีข้อจำกัดที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นม่านจีบ ม่านม้วน ม่านพับ มู่ลี่ไม้ ห้องแต่ละห้องก็มีคุณสมบัติที่ต่างกันเช่นกัน เช่น ห้องครัวต้องระวังเรื่องคราบเขม่าน้ำมัน หรือห้องน้ำต้องกันความชื้น กันเชื้อราได้ แล้วม่านชนิดไหนจะเหมาะกับห้องแบบใดบ้าง ลองศึกษาดูได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ (คลิ๊กที่นี่) 4. เลือกชนิดผ้า – ชนิดผ้าม่านมี 3 ประเภทหลักๆ ที่นิยมกันได้แก่ ผ้าโปร่ง, ผ้า Dimout และผ้า […]
อ่านเพิ่มเติมชวนคุณดับเบิ้ลความสุขเมื่ออยู่บ้านกับ 9 แอพพลิเคชั่นเด็ดที่ Lee Curtain คัดสรรมาแล้วสำหรับคนชอบอยู่บ้านโดยเฉพาะ จะมีแอพไหนน่าโหลดบ้างไปดูกันเลย ติดตามเรื่องราวและข่าวสารเรื่องบ้านต่อกันได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค Lee Curtain หรือ www.leecurtain.com นะคะ แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
อ่านเพิ่มเติม